หลายคนเคยได้ยินคำว่า ‘เอสโตรเจน’ แต่อาจจะยังไม่เข้าใจกระบวนการทำงานทั้งหมดว่าจริง ๆ แล้วฮอร์โมนเอสโตรเจน คืออะไร วันนี้เราจะทุกคนมาทำความรู้จักโดยเฉพาะผู้หญิงจำเป็นมากที่จะต้องรู้ข้อมูลนี้ เพราะร่างกายเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตามแต่ละช่วงวัยอยู่ตลอดชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้สูงอายุ การเข้าใจฮอร์โมนชนิดนี้จะช่วยให้ผู้หญิงดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัยได้อย่างเหมาะสม
ฮอร์โมนเอสโตรเจน คืออะไร รู้จักฮอร์โมนสำคัญของเพศหญิง
Estrogen หรือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน คือฮอร์โมนเพศของผู้หญิงที่มีบทบาทสำคัญในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง ผลิตจากรังไข่ (Ovaries) เป็นหลักและผลิตได้น้อยจากต่อมหมวกไต (Adrenal glands) รวมถึงเนื้อเยื่อไขมัน มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาลักษณะทางเพศหญิง ระบบสืบพันธุ์ และสุขภาพโดยรวม
ตารางแสดงเอสโตรเจนที่สำคัญ 3 ชนิด
ชนิดของเอสโตรเจน | ช่วงวัยที่พบมากที่สุด | คุณสมบัติและหน้าที่หลัก | หน้าที่เพิ่มเติมและอาการ |
เอสตราไดออล (Estradiol) | วัยเจริญพันธุ์ | หลัก ๆ จะควบคุมรอบเดือน พัฒนาระบบสืบพันธุ์และลักษณะเพศหญิง | ควบคุมการเจริญเติบโตเยื่อบุโพรงมดลูก ดูแลสุขภาพกระดูก และสมดุลคอเลสเตอรอลในเลือด |
เอสโตรน (Estrone) | หลังวัยหมดประจำเดือน | เอสโตรเจนหลักในช่วงนี้มีฤทธิ์อ่อนกว่า Estradiol | เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง, ระดับไขมันเลวเพิ่มขึ้น, ผิวบางลงและขาดความยืดหยุ่น หรือเรียกว่า ‘วัยทอง’ |
เอสไตรออล (Estriol) | ระหว่างตั้งครรภ์ | พบมากในหญิงตั้งครรภ์ ฤทธิ์อ่อนที่สุด มีบทบาทปกป้องสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์ | เพิ่มความชุ่มชื้นผิว และช่วยปกป้องเยื่อบุต่าง ๆ ในร่างกาย |
ฮอร์โมนเอสโตรเจนทำหน้าที่อะไร มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรตั้งแต่เด็กจนถึงวัยรุ่น
หน้าที่ของฮอร์โมนเอสโตรเจนคือกระตุ้นการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น มดลูก รังไข่ และช่องคลอด ช่วยในการพัฒนาลักษณะทางเพศหญิง เช่น หน้าอก ขนหัวหน่าว และรูปร่างโค้งมน รักษาความชุ่มชื้นของผิวและเส้นผม นอกจากนี้ยังควบคุมรอบประจำเดือนและการตกไข่ ส่งผลต่อการสร้างมวลกระดูกและการปิดของเนื้อเยื่อกระดูกอ่อน (Epiphyseal Plate) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘แผ่นการเจริญเติบโต’ (Growth Plate) จึงส่งผลต่อความสูงนั่นเอง
การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเอสโตรเจนของแต่ละช่วงวัย
มาเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัยได้อย่างเหมาะสมด้วยการสังเกต และเข้าใจการทำงานของฮอร์โมนในผู้หญิงตามช่วงวัยดังนี้
วัยเด็ก : ร่างกายอยู่ในช่วงก่อนวัยเจริญพันธุ์ ระดับเอสโตรเจนต่ำ ทำให้ร่างกายยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางเพศที่ชัดเจน
วัยเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น (ประมาณ 8–13 ปี) : ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเริ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน กระตุ้นให้หน้าอกเจริญเติบโต ประจำเดือนเริ่มมา และร่างกายเริ่มมีไขมันสะสมตามสัดส่วนที่ต่างจากวัยเด็ก เช่น ต้นขาและสะโพก เป็นต้น
วัยรุ่นตอนปลาย : ฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่ในระดับค่อนข้างคงที่เพื่อควบคุมการทำงานของร่างกายและระบบสืบพันธุ์ เช่น การเติบโตของมดลูกและเยื่อบุโพรงมดลูก
การวัดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน
การวัดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสามารถทำได้โดยการตรวจเลือด ซึ่งห้องปฏิบัติการจะวิเคราะห์ปริมาณ Estradiol เป็นหลักเพื่อประเมินภาวะฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญพันธุ์และสุขภาพฮอร์โมนโดยรวม โดยทั่วไปการตรวจนี้จะทำในช่วงต่าง ๆ ของรอบเดือนเพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำ เช่น ช่วงต้นรอบเดือน (วัน 3-5) เพื่อประเมินระดับพื้นฐาน, ช่วงกลางรอบเดือน (ก่อนตกไข่) หรือในกรณีที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก การตรวจอาจทำบ่อยครั้งกว่าเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้อาจมีการตรวจฮอร์โมนอื่นร่วมด้วย เช่น ฮอร์โมนที่ปล่อยไข่ให้พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ (Luteinizing Hormone), ฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญของไข่ หรือ Follicle Stimulating Hormone (FSH), กระตุ้นการเจริญเติบโตของไข่ในรังไข่ (Follicle Stimulating Hormone), ฮอร์โมน Progesterone ที่ควบคุมรอบประจำเดือน การตั้งครรภ์ และการสร้างตัวอ่อน ซึ่งฮอร์โมนทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะต้องตรวจร่วมด้วยเพื่อให้ได้ภาพรวมของระบบสืบพันธุ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ฮอร์โมนเพศหญิงต่ำมีผลอย่างไร
สำหรับใครที่มีปัญหาฮอร์โมนเพศหญิงต่ำให้สังเกตอาการเหล่านี้
- รอบเดือนมาผิดปกติหรือหมดประจำเดือนก่อนวัยอันควร เช่น ประจำเดือนขาด หรือประจำเดือนมานานน้อยลง
- ภาวะมีบุตรยาก เพราะเอสโตรเจนต่ำทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวของไข่
- อาการร้อนวูบวาบ มือสั่น เหงื่อออกกลางคืน และอารมณ์เปลี่ยนแปลง ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
- ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น และริ้วรอยเกิดขึ้นง่าย
- กระดูกบางหรือกระดูกพรุน เนื่องจากเอสโตรเจนช่วยปกป้องกระดูก
- ปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศ เช่น ช่องคลอดแห้ง ทำให้เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
ฮอร์โมนเพศหญิงสูงเกินไปอันตรายอย่างไร
การที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงเกินไปอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว หากสังเกตเห็นอาการต่าง ๆ เหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจสอบและดูแลอย่างเหมาะสม อาการที่ควรสังเกต ได้แก่ รอบเดือนผิดปกติ เลือดออกมากผิดธรรมดา น้ำหนักเพิ่มขึ้นและมีไขมันสะสมบริเวณสะโพกและต้นขาอย่างรวดเร็ว รวมถึงอารมณ์แปรปรวนรุนแรง อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะฮอร์โมนเสียสมดุล ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดซีสต์ในรังไข่ เนื้องอกมดลูก หรือในระยะยาวอาจส่งผลต่อความเสี่ยงของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและมะเร็งเต้านม
อิทธิพลของเอสโตรเจนต่อจิตใจและอารมณ์ของวัยรุ่นหญิง
ฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่เพียงส่งผลต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อจิตใจและอารมณ์ของวัยรุ่นหญิงอย่างมาก การทำความเข้าใจความเชื่อมโยงนี้จะช่วยให้เราเข้าใจและรับมือกับความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงวัยรุ่นได้ดีขึ้น เพราะเอสโตรเจนทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของสารสื่อประสาทที่สำคัญ เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้รู้สึกดี มีแรงจูงใจ และส่งผลต่อความมั่นใจในตนเอง รวมถึงความรู้สึกดึงดูดทางเพศที่เริ่มปรากฏในช่วงนี้
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนตามรอบเดือนอาจทำให้เกิดเกิดอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด เศร้า สำหรับวัยรุ่นที่ฮอร์โมนยังไม่สม่ำเสมอ อาจพบอาการขี้น้อยใจมากกว่าปกติซึ่งอาการเหล่านี้อาจเด่นชัดและทำให้อ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัวมากขึ้น
วิธีรักษาดูแลสุขภาพเพื่อเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน
การดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมสามารถช่วยให้ระบบฮอร์โมนเอสโตรเจนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการง่าย ๆ เหล่านี้จะช่วยสร้างสมดุลที่ดีและส่งเสริมสุขภาพโดยรวมในระยะยาว
กินอาหารที่มีโภชนาการอย่างเหมาะสม
นอกจากกินอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้ว การกินอาหารที่มีฟิโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีโครงสร้างคล้ายกับเอสโตรเจนและสามารถช่วยเลียนแบบฤทธิ์ฮอร์โมนนี้ได้ เช่น ถั่วเหลือง (เต้าหู้นมถั่วเหลือง), เมล็ดแฟลกซ์, ถั่วลิสง, เมล็ดงา, ผลไม้และผักบางชนิด, อาหารที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามิน B, C, E, แคลเซียม และแมกนีเซียม จึงช่วยสนับสนุนกระบวนการต่าง ๆ ของฮอร์โมนให้ทำงานได้ดีขึ้น ลดอาหารที่มีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวสูง เพราะจะทำลายความสมดุลฮอร์โมน
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะการเวทเทรนนิ่งเพื่อกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อและรักษามวลกระดูก หรือการออกกำลังกายแบบแอโรบิคและการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทั้ง 3 ประเภทนี้นับว่าช่วยเพิ่มการผลิตฮอร์โมนและรักษาระดับฮอร์โมน ช่วยลดความเครียดเมื่อฮอร์โมนหมุนเวียนผิดปกติ
ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
เนื่องจากไขมันในร่างกายมีบทบาทในการผลิตเอสโตรเจนในระดับหนึ่ง แต่การมีน้ำหนักตัวเกินหรือน้อยกว่ามาตรฐานอาจทำให้ระดับฮอร์โมนไม่สมดุล ดังนั้นการควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
การเสริมอาหารและสมุนไพร
หากเข้ารับการรักษาในบางรายอาจได้รับคำแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมที่มีฟิโตเอสโตรเจน หรือสมุนไพรที่ช่วยเพิ่มฮอร์โมน เช่น แบล็คโคฮชหรือแปะก๊วย แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ส่วนในบางกรณีอาจมีการใช้ฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy – HRT) โดยแพทย์เป็นผู้พิจารณาเพื่อชดเชยฮอร์โมนที่ขาดหายไป
พักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงจากความเครียด
ควรมีเวลานอนพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และฝึกเทคนิคผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือหายใจลึก ๆ จะช่วยเรื่องความเครียดเรื้อรังได้ด้วย เพราะการทำวิธีนี้จะสามารถลดการผลิตฮอร์โมนความได้นั่นเอง
ตรวจสุขภาพประจำปี
การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องอย่างสม่ำเสมอ โดยการไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินระดับฮอร์โมนและเจาะเลือดเพื่อตรวจวิเคราะห์ตามความจำเป็น ซึ่งควรแจ้งแพทย์หากมีอาการผิดปกติ เช่น รอบเดือนผิดปกติ อารมณ์แปรปรวน หรือปวดตามข้อ เป็นต้น
เข้าใจเพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุด
อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนคงเข้าใจแล้วว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนคือตัวกำหนดที่สำคัญต่อสุขภาพผู้หญิง หากเราดูแลให้ฮอร์โมนอยู่ในระดับที่สมดุลก็จะช่วยให้ผู้หญิงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และสุขภาพโดยรวม ดังนั้นการรับรู้สัญญาณผิดปกติและการดูแลตนเองอย่างรอบด้านจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากฮอร์โมนหนึ่งตัวผิดปกติแล้วอาจส่งผลให้ฮอร์โมนชนิดอื่นและสุขภาพโดยรวมเสียสมดุลไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความสุข หรือการเพิ่มความสูง แน่นอนว่าการดูแลอย่างตรงจุดอย่างเข้าใจ รวมถึงปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการก็จะทำให้ลดปัญหาที่แก้ไม่ตกได้อย่างถาวร
อ้างอิง
Burger, H. G. (2008). The endocrinology of the menopause. Maturitas, 61(1-2), 6–11.
https://doi.org/10.1016/j.maturitas.2008.11.012
Nelson, L. R., & Bulun, S. E. (2001). Estrogen production and action. Journal of the American Academy of Dermatology, 45(3 Suppl), S116–S124.
https://doi.org/10.1067/mjd.2001.117432
สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี. (2565). การเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กวัยรุ่นหญิง. กรุงเทพฯ: กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.
สถาบันเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ นานาชาติ. (2564). คู่มือความรู้ฮอร์โมนเพศหญิงและการดูแลสุขภาพ. กรุงเทพฯ: สมาคมเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์แห่งประเทศไทย.


อ่านรีวิวคอร์สเพิ่มความสูงของ “เมดิก้าเซ็นเตอร์” ได้ที่นี่
อยากสูง…ปรึกษาเราได้
เมดิก้า เซ็นเตอร์ (Medica Center) เพิ่มโอกาสสูง ปรับบุคลิกภาพให้ดูดีและสูงขึ้นเห็นผลทันทีในครั้งแรก!! ที่ใช้เทคนิคการเพิ่มความสูงด้วยวิธีการทางการแพทย์ ไม่ต้องเข้าผ่าตัด แต่เป็นการเพิ่มความสูงด้วยการทำกายภาพ เมดิก้าเซ็นเตอร์ใช้หลักการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นหลักใหญ่ในการกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกอ่อน รวมถึงการปรับโครงสร้างของร่างกายเพื่อเพิ่มบุคลิกภาพให้สง่าและดูดี เพิ่มโอกาสสูงได้สูงสุดทันที 1-5 cm. ผลจริง ปลอดภัย ไม่เจ็บตัว ทุกขั้นตอนได้รับการดูแลและให้คำปรึกษาจากแพทย์และทีมงานผู้ชำนาญการประสบการณ์ด้านการปรับบุคลิกภาพเพิ่มโอกาสสูงมายาวนานมากกว่า 15 ปี สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย แม้ว่าจะอยู่ในช่วงอายุที่เลยวัยพัฒนาการทางร่างกายแล้ว แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง ความปรารถนาที่จะมีส่วนสูงในฝันนั้นอาจจะอยู่ใกล้กว่าที่คุณคาดคิด
ที่ตั้ง : 2358 ชั้น 4 ถ.สุขุมวิท แขวง บางจาก เขต พระโขนง กรุงเทพ
เนื้อหาอื่นๆที่น่าสนใจ
ประจำเดือนมาเร็ว ทำให้หยุดสูงเร็วจริงไหม มีวิธีเพิ่มความสูงได้อย่างไร
กระดูกปิดแล้วยังสูงได้อีกไหม สูงได้อีกกี่เซนติเมตร ใครเจอปัญหานี้อย่าเพิ่งหมดหวัง
ไขข้อข้องใจเตี้ยกรรมพันธุ์ สูงได้ไหม ? เตี้ยกรรมพันธุ์ทําไงให้สูง มีแนวทางอะไรบ้าง
7 ผลไม้โปรตีนสูง เพิ่มโปรตีนจากธรรมชาติให้ร่างกายทุกวัน
ประโยชน์ของผักคะน้าดีต่อทุกวัย และยังมีส่วนช่วยให้สูงขึ้น
เด็กติดโทรศัพท์ ผลกระทบต่อการเจริญเติบโต พ่อแม่อย่าชะล่าใจ
ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนคืออะไร? ฮอร์โมนเพศชายที่สำคัญ
วิตามินดีช่วยอะไร กินวิตามินดีตอนไหนดีที่สุด
ปรึกษาทีมแพทย์ฟรี คลิกที่นี่