7 วิธีออกกำลังกายเพิ่มความสูง ออกกำลังกายยังไงให้สูงเร็วทันใจ

4 วิธีออกกำลังกายเพิ่มความสูง ออกกำลังกายยังไงให้สูงเร็วทันใจ

วิธีออกกำลังกายเพิ่มความสูง เป็นวิธีธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของร่างกายโดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่นที่อยู่ในช่วงการพัฒนาผ่านการยืดกล้ามเนื้อ เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก และกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต การออกกำลังกายด้วยทฤษฎีแรงดึงและท่าเฉพาะจึงสามารถช่วยเพิ่มความสูงได้จริงโดยเฉพาะในช่วงวัย 8-18 ปี ผ่านการยืดกระดูกสันหลัง กระตุ้นฮอร์โมน Growth Hormone และเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก

เข้าใจหลักการการเจริญเติบโตของร่างกาย

การเจริญเติบโตของร่างกายเกิดจากการทำงานของแผ่นกระดูกอ่อน (Growth Plate) ที่ปลายกระดูกยาว ซึ่งยังคงสร้างเซลล์กระดูกใหม่ได้จนถึงอายุประมาณ 18-25 ปี การออกกำลังกายเพิ่มความสูงจึงมีประสิทธิภาพสูงสุดในช่วงนี้

ฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone) มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์และการสร้างกระดูก การออกกำลังกายแบบเฉพาะเจาะจงสามารถกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่สร้างแรงกระแทกเบา ๆ และการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสูงประกอบด้วย พันธุกรรม (70-80%) โภชนาการ การนอนหลับ และการออกกำลังกาย ซึ่งแม้ว่าพันธุกรรมจะเป็นปัจจัยหลัก แต่การออกกำลังกายและปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ยังสามารถช่วยให้เราบรรลุศักยภาพความสูงสูงสุดได้

ประเภทของการออกกำลังกาย

ท่าออกกำลังกายเพิ่มความสูงใช้หลักการเหมือนกับการออกกำลังกายพื้นฐาน สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามเป้าหมายและลักษณะของการเคลื่อนไหว โดยหลัก ๆ จะแบ่งได้ 4 ประเภทหลักดังต่อไปนี้

  1. การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Strength/Weight Training)

เป็นการออกกำลังกายที่เน้นเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็นให้แข็งแรง ป้องกันการบาดเจ็บและเพิ่มความสามารถในการทำกิจกรรมประจำวัน โดยจะเน้นการใช้แรงต้าน เช่น การยกน้ำหนัก ดัมเบลล์ บาร์เบลล์ หรือใช้น้ำหนักตัวเองอย่างการวิดพื้นและสควอท เป็นวิธีการออกกำลังกายที่เป็นที่นิยมในการเพิ่มความสูงผู้ชาย

  1. การฝึกการทรงตัว (Balance Training)

เป็นการพัฒนาความสามารถในการฝึกทรงตัวหรือควบคุมให้ร่างกายมีความสมดุล เพื่อลดความเสี่ยงในการหกล้มและช่วยให้เคลื่อนไหวได้มั่นคงยิ่งขึ้น เช่น การยืนขาเดียว รำมวยไทยมวยจีน และไทเก๊ก เป็นต้น

  1. การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic/Cardio)

เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะช่วยเรื่องกระดูกหรือข้อต่อแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของหัวใจและปอด เพิ่มการไหลเวียนโลหิต และช่วยเผาผลาญไขมันด้วย เช่น ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก เดิน เล่นบาส และปั่นจักรยาน

  1. การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Stretching/Flexibility Training)

เน้นการเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อต่อ เช่น เล่นโยคะ พิลาทีส หรือท่ายืดเหยียดต่าง ๆ นอกจากเป็นอีกหนึ่งในวิธีการออกกำลังกายเพิ่มความสูงที่ได้ผลดีแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ บรรเทาอาการปวดตึง และเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวของร่างกาย

ประโยชน์ของการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูกและกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมนเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ครอบคลุมต่อพัฒนาการของร่างกายในหลายด้าน ดังนี้

กระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก (Growth Plate) : การออกกำลังกายแบบที่มีความเข้มข้นสูงหรือการออกกำลังกายที่มีแรงต้าน จะสร้างความเครียดทางกล (mechanical stress) ที่กระตุ้นให้ growth plate ซึ่งเป็นแผ่นการสร้างกระดูกทำงานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กระดูกยาวขึ้นและเพิ่มความสูงได้

ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย : การออกกำลังกายแบบยืดเหยียด เช่น โยคะ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง ทำให้กระดูกสามารถยืดตัวและเพิ่มความสูงได้มากขึ้น

ส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมและสุขภาพโดยรวม : เป็นการช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมจากอาหารซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกระดูกแข็งแรง รวมถึงช่วยพัฒนาระบบไหลเวียนเลือดและระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น

ช่วยปรับปรุงท่าทางและบุคลิกภาพ : ทำให้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและเพิ่มความยืดหยุ่น ทำให้ท่าทางดีขึ้น ร่างกายดูสูงขึ้นและมีบุคลิกภาพที่ดี

ส่งเสริมสุขภาพจิตและความมั่นใจ : การออกกำลังกายช่วยลดความเครียด เพิ่มความสดชื่น และสร้างความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งมีผลทางบวกต่อการพัฒนาร่างกายโดยรวม

หลักการออกกำลังกายเพิ่มความสูงด้วยทฤษฎีแรงดึง

การออกกำลังกายด้วยทฤษฎีแรงดึง (Traction Exercise Theory) เป็นวิธีการออกกำลังกายเพิ่มความสูงที่มุ่งเน้นการใช้แรงดึงเพื่อขยายช่องว่างระหว่างข้อต่อ ลดแรงกดทับที่กระดูกสันหลัง และกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก หลักการสำคัญของทฤษฎีแรงดึงคือการสร้างแรงดึงที่ช่วยกระจายความดันออกจากเส้นประสาท กระดูกสันหลัง และข้อต่าง ๆ ผ่านการยืดเหยียดที่อ่อนโยนแต่ต่อเนื่อง วิธีการออกกำลังกายนี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดในเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ที่ร่างกายยังสามารถพัฒนาความสูงได้ ดังนั้นการเลือกใช้เทคนิคแรงดึงจำเป็นต้องคำนึงถึงอายุ สภาพร่างกาย เป้าหมาย และสภาพทางการแพทย์ เพื่อให้การออกกำลังกายมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

7 วิธีออกกำลังกายเพิ่มความสูงอย่างมีประสิทธิภาพ

1. การเล่นโยคะเพิ่มความสูง

การทำโยคะเพิ่มความสูงมีหลายท่าที่สร้างแรงดึงให้ร่างกาย ดังนี้

ท่ายืดตัวแตะปลายเท้า (Toe Touch Stretch)

ท่าออกกำลังกายนี้ช่วยสร้างแรงดึงให้กับกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง เพิ่มความยืดหยุ่นและบรรเทาอาการปวดหลัง รวมถึงส่งผลดีต่อกระดูกข้อต่อ

ท่าเพิ่มความสูง Toe Touch เป็นท่าหนึงในการออกกำลังกายเพิ่มความสูง

วิธีการทำ (ท่ายืน) : ยืนตัวตรง แขนตรงตามลำตัว กางขาเล็กน้อยเท่าช่วงสะโพก ค่อยๆ ก้มตัวลงเอาปลายนิ้วมือแตะปลายเท้า ค้างไว้ 5 วินาที แล้วยืดลำตัวตรง ทำซ้ำ 15 ครั้ง

ท่างู (Cobra Stretch)

วิธีนี้เป็นการบริหารช่วงกล้ามเนื้อลำตัวช่วงบน กล้ามเนื้อส่วนหลัง และหากทำบ่อย ๆ เป็นประจำจะช่วยเสริมความแข็งแรงให้ช่วงอกด้วย

ท่าเพิ่มความสูง Cobra Stretch เป็นท่าหนึงในการออกกำลังกายเพิ่มความสูง

วิธีการทำ : ให้นอนคว่ำลง พร้อม ๆ กับก้มหน้าลง ชันข้อศอกทั้ง 2 ข้างขึ้นไว้ข้างตัว แล้วค่อย ๆ เริ่มยืดลำตัวขึ้น ค้างไว้ 30 วินาที จำนวนครั้ง 3 ครั้ง

ท่าเพิ่มความสูงแบบแมว-วัว (Cat-Cow Stretch)

การยืดที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกระดูกสันหลัง โดยการโค้งงอหลังสลับกับการแอ่นหลัง ควบคู่กับการหายใจที่ถูกต้อง ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและเพิ่มการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง

Cat and Cow Stretch ท่าออกกำลังกายเพิ่มความสูง

วิธีการทำ : ก้มตัวลงให้มือและเข่าแตะพื้น ยืดลำตัวและแขนขึ้นโค้งหลังด้านบนพร้อมหายใจเข้า ค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นยืดลำตัวช่วงหน้าท้องลงด้านล่างให้สุด เงยหัวและก้นขึ้นด้านบน ค้างไว้ 5 วินาที ทำสลับกันข้างละ 15 ครั้ง

ท่า Pelvic Shift

เป็นท่าโยคะที่สามารถช่วยเพิ่มความสูงให้เราได้ ท่านี้มีประโยชน์ต่อการเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่กล้ามเนื้อหน้าท้อง หลัง และต้นขา

Pelvic Shift ท่าโยคะ ออกกำลังกายเพิ่มความสูง

วิธีการทำ : ให้นอนหงายลงบนพื้นราบ แขนวางไว้ข้างตัว หัวเข่าตั้งชันขึ้น จากนั้นค่อย ๆ ยกลำตัวและก้นขึ้นช้า ๆ ระหว่างนั้นให้เกร็งหน้าท้องและลำตัวไว้ด้วย ค้างไว้ 15 วินาที ทำติดต่อกัน 4-6 ครั้ง

ท่าตรีโกณ (Triangle Pose) 

ท่านี้เป็นท่าบริหารที่มีประโยชน์มาก เพราะ “ยิงปืนครั้งเดียวได้นกหลายตัวมาก ๆ ” เพราะช่วยบริหารยืดกล้ามเนื้อได้เกือบทั้งตัวเลยทีเดียว

Triangel Pose ท่าโยคะ ออกกำลังกายเพิ่มความสูง

วิธีการทำ : ยืนหลังตรงพร้อมกับกางขา-แขนทั้งสองข้าง แบะปลายเท้าออกจากลำตัว แล้วค่อย ๆ ก้มลงแตะ ค้างไว้ข้างละ 30 วินาที ทำติดต่อกัน 4 ครั้ง

ท่าหมา (Downward Facing Dog Pose)

วิธีนี้ถือเป็นวิธียืดร่างกายที่บริหารได้หลาย ๆ ส่วน วิธีการทำคือให้ก้มตัวแบบชันเข่าขึ้น ลำแขนตรง จากนั้นค่อย ๆ ยกก้นขึ้นไปด้านบนพร้อมยืดลำตัวขึ้นโดยที่มือและเท้ายังยืดขาและแขนให้เหยียดตรง ฝ่าเท้าและฝ่ามือกดลงพื้นเต็ม ๆ อยู่ในท่าคล้ายสามเหลี่ยม ค้างไว้ 30 วินาที จำนวน 3 ครั้ง

Downward Facing Dog Pose ท่าออกกำลังกายเพิ่มความสูง

2. การเล่นกีฬาเพิ่มความสูง

การเล่นกีฬาเป็นวิธีการออกกำลังกายที่สนุกสนานและมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการเจริญเติบโต โดยกีฬาเพิ่มความสูงจะเน้นการกระโดด การยืดเหยียด และการเคลื่อนไหวที่กระตุ้นแผ่นกระดูกอ่อน เช่น กีฬาว่ายน้ำ บาสเกตบอล วอลเลย์บอล แบดมินตัน และเทนนิส ฯลฯ ซึ่งล้วนมีลักษณะการเคลื่อนไหวที่กระตุ้นการยืดตัวของกระดูกและกล้ามเนื้อ

3. การโหนบาร์ (Hanging Exercise)

การโหนบาร์ให้สูงเป็นเทคนิคแรงดึงที่ช่วยยืดกล้ามเนื้อหลังและคลายแรงกดทับที่กระดูกสันหลัง ทำให้กระดูกสันหลังยืดตรงและยาวมากขึ้น การแขวนตัวกับบาร์เป็นเวลา 30-60 วินาที ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความตึงของกล้ามเนื้อ

การโหนบาร์ (Hanging Exercise) วิธีออกกำลังกายเพิ่มความสูง

วิธีการทำ : จับบาร์ด้วยมือทั้งสองข้าง กางแขนให้กว้าง ปล่อยตัวแขวนลงมาอย่างอิสระ สามารถเพิ่มความท้าทายด้วยการยกเข่าหรือเหวี่ยงขาด้านหน้า ค้างไว้ 30 วินาที นับเป็น 1 ครั้ง ทำอย่างน้อย 10 ครั้ง 

4. การกระโดดสูง (Jumping Exercise)

การกระโดดเป็นการออกกำลังกายในหมวด Cardio ที่ส่งเสริมการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโตโดยตรง การสร้างแรงกระแทกเบา ๆ กระตุ้นแผ่นกระดูกอ่อนที่ปลายกระดูกยาว ส่งสัญญาณไปยังต่อมใต้สมองให้หลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต

ออกกำลังกายเพิ่มความสูง ด้วยวิธีกระโดดสูง Jumping Exercise

วิธีการทำ : ชูแขนขึ้นเหยียดตรง กระโดดยืดตัวขึ้นให้สูงที่สุด ลงด้วยท่าย่อเข่า ตัวโน้มไปด้านหน้า หย่อนก้นและแขนไปด้านหลัง ทำติดต่อกัน 10-15 ครั้งเป็น 1 เซต

5. แทรมโพลีน (Trampoline)

การออกกำลังกายด้วยการเล่นแทรมโพลีนสามารถช่วยเพิ่มความสูงได้ ยิ่งในเด็กและวัยรุ่นเพราะการกระโดดบนแทรมโพลีนจะกระตุ้นกระดูกและกล้ามเนื้อในแนวดิ่ง และนับว่าเป็นการออกกำลังแบบใช้ทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งส่งผลให้กระดูกหนาและแข็งแรงขึ้น และกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมนช่วยในการเจริญเติบโต

คำแนะนำ : ให้เล่นเพียง 10 นาที จะเท่ากับออกกำลังกายแบบปกติ 45 นาที แต่หากต้องการเพิ่มความสูงจำเป็นที่จะต้องใช้ท่าที่ถูกต้อง เช่น Low – High Bounce , Jogging ,Straddle Hops และ Twister สลับกันท่าละ 10-15 ครั้ง เท่ากับ 1 เซต และควรทำไม่ต่ำกว่า 3 เซตต่อวัน

6. กระโดดเชือก

การกระโดดเชือกช่วยกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน และส่งผลดีต่อการยืดกล้ามเนื้อและกระดูก โดยเฉพาะบริเวณขาและหลัง แถมยังช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือดได้ดี หากทำทุกวันและนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอวันละ 8-10 ชั่วโมง จะทำให้เพิ่มความสูงอย่างรวดเร็วแน่นอน

คำแนะนำ : ควรกระโดดเชือกวันละ 1 ชั่วโมงทุกวัน หรือควรทำอย่างสม่ำเสมอ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ และควรรักษาท่าทางให้ตรงขณะกระโดด เพื่อให้กล้ามเนื้อและกระดูกยืดตัวได้เต็มที่ สำหรับการเลือกอุปกรณ์ควรเลือกเชือกที่มีความยาวเหมาะสม โดยวัดจากการเหยียบตรงกลางเชือกแล้วปลายด้ามจับอยู่ระดับรักแร้ และควรสวมรองเท้ากีฬาเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

7. พิลาทิส (Pilates)

พิลาทิสเป็นการเน้นฝึกออกกำลังกายบนเสื่อหรือเครื่องรีฟอร์เมอร์ จุดประสงค์หลักคือการบริหารเพื่อเพิ่มความยาวทั้งช่วงบนและช่วงล่างของร่างกาย ซึ่งหากบริหารบ่อย ๆ จะช่วยยืดกระดูกเพิ่มความสูงได้

คำแนะนำ : ควรฝึกซ้อมประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยแต่ละครั้งควรใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที และจำเป็นต้องมีผู้ฝึกสอนที่มีความรู้ความชำนาญคอยแนะนำ

แผนการออกกำลังกายตามช่วงวัย

ช่วงวัย (ปี) ลักษณะการเจริญเติบโต กิจกรรมที่เหมาะสม ความถี่การออกกำลัง
วัยเด็ก (3-12)
ร่างกายเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ต้องการกิจกรรมที่สนุกสนาน
กระโดดเชือก, กระโดดแทรมโพลีน, ว่ายน้ำ, โหนบาร์
วันละ 60 นาที แบ่งเป็นช่วงสั้น ๆ หลายครั้ง
วัยรุ่น (13-18)
โอกาสทองของการเพิ่มความสูง กระตุ้นฮอร์โมนเจริญเติบโตได้ดี
บาสเกตบอล, วอลเลย์บอล, ว่ายน้ำ, โยคะ, โหนบาร์
4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 45-60 นาที
วัยผู้ใหญ่ตอนต้น
ผ่านช่วงการเจริญเติบโตหลักแล้ว เน้นปรับปรุงท่าทางและบุคลิกภาพ
โยคะ, พิลาทิส, ว่ายน้ำ
3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30-45 นาที

แผนออกกำลังกายเพิ่มความสูงเด็ก (ประมาณ 3-12 ปี)

เป็นช่วงที่ร่างกายเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การออกกำลังกายควรเน้นความสนุกสนานและหลากหลาย กิจกรรมที่เหมาะสม ได้แก่ กระโดดเชือก, กระโดดแทรมโพลีน, ว่ายน้ำ, วิ่ง, โหนบาร์

ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 60 นาที แบ่งเป็นช่วงสั้น ๆ หลายครั้ง เพื่อไม่ให้เด็กเหนื่อยเกินไป

วันจันทร์ : โหนบาร์ 3 เซต, กระโดดเชือก 15 นาที, ยืดเหยียด 10 นาที

วันพุธ : ว่ายน้ำ 45 นาที หรือ เล่นบาส 30 นาที

วันศุกร์ : โยคะ 30 นาที, การกระโดดสูง 2 เซต, ยืดคลายเส้น 10 นาที

วันเสาร์ : กิจกรรมสนุกสนาน เช่น แทรมโพลีน หรือการเล่นในสนามเด็กเล่น

แผนออกกำลังกายเพิ่มความสูงวัยรุ่น (ประมาณ 13-18 ปี)

เป็นช่วงโอกาสทองของการเพิ่มความสูง เพราะร่างกายยังมีการเปลี่ยนแปลงและสามารถกระตุ้นฮอร์โมนเจริญเติบโตได้ดี จึงควรเน้นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง กิจกรรมที่เหมาะสม ได้แก่ บาสเกตบอล, วอลเลย์บอล, ว่ายน้ำ (ท่าฟรีสไตล์และผีเสื้อ), กระโดดเชือก, กระโดดแทรมโพลี โหนบาร์, โยคะ

ควรออกกำลังกาย 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 45-60 นาที

จันทร์-พุธ-ศุกร์ : โหนบาร์ขั้นสูง, ยืดเหยียดแบบโยคะ, การกระโดดและออกกำลังกายแบบ Cardio

อังคาร-พฤหัสบดี : ว่ายน้ำหรือกีฬาที่ชื่นชอบ เช่น บาสเกตบอล วอลเลย์บอล

แผนออกกำลังกายเพิ่มความสูงผู้ใหญ่

แม้ว่าช่วงนี้จะผ่านช่วงการเจริญเติบโตหลักแล้ว แต่การออกกำลังกายยังช่วยปรับปรุงท่าทางและบุคลิกภาพให้ดูสูงขึ้น กิจกรรมที่เหมาะสม 

ควรออกกำลังกาย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30-45 นาที เพื่อชะลอการเสื่อมของกระดูกและรักษาความยืดหยุ่นของร่างกาย

จันทร์-พุธ-ศุกร์ : โยคะ 30-45 นาที (เน้นท่า Downward Dog, Cobra, Cat-Cow), พิลาทิส 20 นาที, ยืดเหยียดคลายเส้น 10 นาที

อังคาร-พฤหัส : ว่ายน้ำ 45 นาที หรือ การเดินเร็ว/วิ่งเบาๆ 30 นาที, โหนบาร์ (หากทำได้) 2-3 เซต

วันเสาร์ : กิจกรรมผ่อนคลาย เช่น เดินในสวน ปั่นจักรยาน หรือ Stretching แบบ Gentle

ท่าออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความสูงเฉพาะเพศ

ท่าเพิ่มความสูงผู้ชาย

ผู้ชายมักมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่า จึงเหมาะกับการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงมากขึ้น และสามารถเน้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อควบคู่กับการเพิ่มความสูง

  • ท่าโหนบาร์แบบขั้นสูง : เริ่มจากการโหนธรรมดา จากนั้นดึงตัวขึ้นแบบ Pull-up 5-10 ครั้ง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อแขน ไหล่ และหลัง พร้อมยืดกระดูกสันหลัง ทำ 3 เซต พักระหว่างเซต 2-3 นาที
  • ท่ากระโดดแบบ Explosive Jump : ย่อเข่าลงต่ำ แล้วกระโดดสูงที่สุดพร้อมยกแขนขึ้น เน้นการระเบิดแรงและการลงจอดที่นุ่มนวล ช่วยกระตุ้นแผ่นกระดูกอ่อนและเสริมสร้างกล้ามเนื้อขา ทำ 15-20 ครั้ง x 3 เซต
  • ท่า Hanging Leg Raise : โหนบาร์แล้วยกขาขึ้นมาหาหน้าอก ค้างไว้ 3-5 วินาที ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องและยืดกระดูกสันหลัง ทำ 8-12 ครั้ง x 2 เซต
  • การออกกำลังกายแบบ Compound Movement : ผสมผสานท่า Burpee กับการกระโดด เริ่มจากท่า Squat ลงไปท่า Push-up แล้วกระโดดขึ้นสูง ช่วยทั้งระบบหัวใจและกระตุ้นฮอร์โมนการเจริญเติบโต

ท่าเพิ่มความสูงผู้หญิง

ผู้หญิงมักมีความยืดหยุ่นของร่างกายที่ดีกว่า จึงเหมาะกับการออกกำลังกายที่เน้นความนุ่มนวลและการยืดเหยียดอย่างต่อเนื่อง

  • ท่าโยคะผสม Ballet Stretch : รวมท่าโยคะกับการยืดแบบนักบัลเล่ต์ เช่น การยืดขาบนบาร์ (Barre Stretch) และท่า Port de Bras ที่ช่วยยืดกระดูกสันหลังและปรับปรุงท่าทาง ทำช้า ๆ ค้างแต่ละท่า 30-60 วินาที
  • ท่า Pilates Roll-up : นอนหงาย แขนยืดขึ้นเหนือศีรษะ ค่อยๆ ม้วนตัวขึ้นมาด้วยกล้ามเนื้อหน้าท้อง จนถึงท่านั่งและก้มไปแตะปลายเท้า จากนั้นค่อย ๆ ม้วนตัวลง ช่วยยืดกระดูกสันหลังและเสริมสร้างความแข็งแรงของแกนกลาง ทำ 8-10 ครั้ง
  • ท่า Swan Dive (แบบดัดแปลง) : นอนคว่ำ แขนวางข้างตัว ยกหน้าอกและขาขึ้นพร้อมกัน ค้างไว้ 5-10 วินาที ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและยืดด้านหน้าของร่างกาย ทำ 6-8 ครั้ง
  • การกระโดดแบบ Rhythmic : กระโดดเบา ๆ พร้อมการเคลื่อนไหวของแขนที่นุ่มนวล เหมือนการเต้นรำ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและการหลั่งฮอร์โมนโดยไม่สร้างแรงกระแทกมาก ทำ 3-5 นาทีต่อเซต
  • ท่า Spinal Wave : นั่งขัดสมาธิ ค่อย ๆ เคลื่อนไหวกระดูกสันหลังเป็นคลื่น จากส่วนล่างขึ้นไปส่วนบน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกระดูกสันหลังและปรับปรุงท่าทาง

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

  • ผู้ชายควรเน้นความแข็งแรงและการระเบิดแรง แต่ไม่ละเลยความยืดหยุ่น
  • ผู้หญิงควรเน้นความยืดหยุ่นและการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล แต่เพิ่มความแข็งแรงด้วย
  • ทั้งสองเพศควรฝึกอย่างสม่ำเสมอและรับฟังร่างกายของตนเอง

การเตรียมความพร้อมก่อนออกกำลังกาย

การเตรียมความพร้อมที่เหมาะสมช่วยป้องกันการบาดเจ็บและเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย

ขั้นตอนการเตรียมตัว

  1. เริ่มด้วยท่าง่าย ๆ หากไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน
  2. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย 2-3 ชั่วโมงหลังทานอาหาร
  3. ไม่ควรออกกำลังกายทันทีที่ตื่นนอน
  4. ดื่มน้ำก่อนและหลังออกกำลังกาย
  5. นอนหลับให้เพียงพอเพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักผ่อน

ขั้นตอนการออกกำลังกายที่ถูกต้อง

ก่อนออกกำลังกาย (5-10 นาที) : วอร์มร่างกายด้วยการยืดเหยียดเบาๆ หมุนข้อต่อ เดินเร็วหรือวิ่งจ็อกกิ้งเบา ๆ

ระหว่างออกกำลังกาย : ควบคุมการหายใจให้สม่ำเสมอ ทำเป็นช่วง ๆ และพักระหว่างเซตตามความเหมาะสม

หลังออกกำลังกาย (5-10 นาที) : คลายเส้นด้วยการยืดเหยียด เดินช้า ๆ เพื่อให้ร่างกายกับคืนสู่ภาวะปกติ

สัญญาณเตือนที่ต้องหยุดออกกำลังกาย

หยุดทันทีหากมีอาการ : ปวดแขน ปวดหลัง เวียนศีรษะ หายใจไม่อิ่ม หน้ามืด หรือรู้สึกไม่สบายผิดปกติ

การป้องกันการบาดเจ็บ : เลือกอุปกรณ์ที่มีความมั่นคงแข็งแรง สวมเสื้อผ้าและรองเท้าที่เหมาะสม มีผู้ใหญ่คอยดูแลสำหรับเด็ก และไม่บังคับตัวเองให้ทำมากเกินไป

ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มโปรแกรมการออกกำลังกายหากมีประวัติโรคประจำตัว ผ่าตัดมาก่อน หรือมีปัญหาสุขภาพเฉพาะ นอกจากนี้ หากออกกำลังกายแล้วไม่เห็นผลหรือมีอาการผิดปกติ ควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

คำถามที่พบบ่อย

เด็กกี่ขวบเริ่มออกกำลังกายเพิ่มความสูงได้ ? 

เด็กสามารถเริ่มออกกำลังกายเพิ่มความสูงได้ตั้งแต่อายุ 4-5 ปี แต่ต้องเป็นกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยและอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่ ช่วงอายุที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือ 7-18 ปี

ควรออกกำลังกายวันละกี่ชั่วโมง ? 

สำหรับเด็ก ควรออกกำลังกายวันละ 60 นาที แบ่งเป็นช่วงสั้น ๆ หลายครั้ง วัยรุ่นควรออกกำลังกาย 45-60 นาที สัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง โดยมีวันหยุดพักอย่างน้อย 1-2 วันต่อสัปดาห์

ผลจะเห็นได้ในกี่เดือน ? 

ผลของการออกกำลังกายเพิ่มความสูงจะเห็นได้ชัดเจนหลังจากการฝึกอย่างสม่ำเสมอ 3-6 เดือน โดยขึ้นอยู่กับอายุ การปฏิบัติตาม และปัจจัยอื่นๆ เช่น โภชนาการและการนอนหลับ

ออกกำลังกายแล้วสูงขึ้นจริงหรือไม่ ? 

การออกกำลังกายสามารถช่วยเพิ่มความสูงได้จริง โดยเฉพาะในช่วงวัยที่ร่างกายยังเจริญเติบโต ผ่านการกระตุ้นฮอร์โมนการเจริญเติบโต การยืดกระดูกสันหลัง และการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก

การออกกำลังกายเพิ่มความสูงเป็นวิธีธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการเจริญเติบโต โดยเฉพาะการใช้ทฤษฎีแรงดึงและท่าออกกำลังกายเฉพาะทาง การทำอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี ร่วมกับการดูแลโภชนาการ การนอนหลับที่เพียงพอ และการจัดการความเครียด จะช่วยให้บรรลุศักยภาพความสูงสูงสุดได้

สิ่งสำคัญที่ต้องจำคือ ความอดทนและความสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงวัยทองของการเจริญเติบโต การปฏิบัติภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้การออกกำลังกายปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

เมดิก้า เซ็นเตอร์ เพิ่มความสูงด้วยการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี

หากผู้ปกครองต้องการคำปรึกษาเชี่ยวชาญและโปรแกรมเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมกับลูก สามารถปรึกษาที่ เมดิก้า เซ็นเตอร์ เพิ่มความสูง ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี จากเคสที่ประสบความสำเร็จกว่า 1,000 ราย ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการของเราจะช่วยออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับช่วงวัย สภาพร่างกาย และเป้าหมายของแต่ละคน ผ่านการวิเคราะห์อย่างละเอียดและการติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อเพิ่มโอกาสในการเจริญเติบโตอย่างสมวัย

 


อ่านรีวิวคอร์สเพิ่มความสูงของ “เมดิก้าเซ็นเตอร์” ได้ที่นี่

อยากสูง…ปรึกษาเราได้

เมดิก้า เซ็นเตอร์ (Medica Center) เพิ่มโอกาสสูง ปรับบุคลิกภาพให้ดูดีและสูงขึ้นเห็นผลทันทีในครั้งแรก!! ที่ใช้เทคนิคการเพิ่มความสูงด้วยวิธีการทางการแพทย์ ไม่ต้องเข้าผ่าตัด แต่เป็นการเพิ่มความสูงด้วยการทำกายภาพ เมดิก้าเซ็นเตอร์ใช้หลักการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นหลักใหญ่ในการกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกอ่อน รวมถึงการปรับโครงสร้างของร่างกายเพื่อเพิ่มบุคลิกภาพให้สง่าและดูดี เพิ่มโอกาสสูงได้สูงสุดทันที 1-5 cm. ผลจริง ปลอดภัย ไม่เจ็บตัว ทุกขั้นตอนได้รับการดูแลและให้คำปรึกษาจากแพทย์และทีมงานผู้ชำนาญการประสบการณ์ด้านการปรับบุคลิกภาพเพิ่มโอกาสสูงมายาวนานมากกว่า 15 ปี สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย แม้ว่าจะอยู่ในช่วงอายุที่เลยวัยพัฒนาการทางร่างกายแล้ว แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง ความปรารถนาที่จะมีส่วนสูงในฝันนั้นอาจจะอยู่ใกล้กว่าที่คุณคาดคิด

ที่ตั้ง : 2358 ชั้น 4 ถ.สุขุมวิท แขวง บางจาก เขต พระโขนง กรุงเทพ

 


เนื้อหาอื่นๆที่น่าสนใจ