6 เทคนิคการแต่งตัวผู้ชายตัวเล็กยังไงให้ดูสูง หล่อ เท่ ในแบบของตัวเอง

รูปร่างอาจเป็นสิ่งที่เราเปลี่ยนได้ยาก แต่การแต่งตัวคือสิ่งที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของเราได้ทันที การแต่งตัวผู้ชายตัวเล็กให้ดูสูงไม่ใช่แค่เรื่องแฟชัน แต่เป็นเรื่องของความมั่นใจและการแสดงออกที่ใช่ วันนี้เราจะพาทุกคนมาเรียนรู้เทคนิคง่าย ๆ ในการแต่งตัวของผู้ชายตัวเล็กให้ดูสูงขึ้น พร้อมเคล็ดลับที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีและมีสไตล์ในแบบของตัวเอง

1. เทคนิคการเลือกเสื้อผ้าการแต่งตัวผู้ชายตัวเล็กอย่างไรให้ดูสูง

หลักการเลือกเสื้อผ้าที่พอดีตัว (Tailored Fit)

การแต่งตัวผู้ชายตัวเล็กเริ่มต้นที่การเลือกเสื้อผ้าที่พอดีตัว เสื้อผ้าที่ใหญ่เกินไปจะทำให้ดูเตี้ยและเทอะทะ ส่วนเสื้อผ้าที่รัดเกินไปก็อาจเน้นส่วนที่เราไม่อยากเน้น การเลือกเสื้อผ้าที่พอดีตัวจะช่วยเสริมรูปร่างให้ดูสูงยิ่งขึ้น

จุดสำคัญของการเลือกเสื้อ:

• เลือกขนาดที่พอดีกับช่วงไหล่และลำตัว
• การตัดเย็บที่เข้ารูปเล็กน้อยจะช่วยสร้างเงาที่ดูเพรียวและสูงขึ้น
• หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่หลวมเกินไปหรือคับเกินไป

แนวทางการเลือกเสื้อแต่ละประเภท

เสื้อคอวี (V-Neck) : ช่วยสร้างพื้นที่บริเวณลำคอ ทำให้ช่วงบนดูยาวขึ้น และเพิ่มมิติความลึกให้กับรูปร่าง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความดูอวบของใบหน้า หรือสร้างภาพลักษณ์ที่ดูโปร่งสบาย แนะนำให้เลือกเสื้อคอวีที่มีความลึกพอเหมาะและไม่ลึกเกินไปจนดูหวือหวา

เสื้อเชิ้ตแบบไม่ทับใน : เลือกความยาวที่พอดี ไม่ยาวเกินสะโพก เพราะจะทำให้ช่วงขาดูสั้นลง ควรเลือกเสื้อเชิ้ตที่มีความยาวจบที่บริเวณเอวหรือต้นสะโพก เพื่อสร้างเส้นแบ่งที่ชัดเจนและยืดสัดส่วนขาให้ดูยาวขึ้น หลีกเลี่ยงเสื้อที่ยาวเกินไปจนปิดกระเป๋ากางเกง เพราะจะทำลายสัดส่วนโดยรวม

เสื้อเชิ้ตแบบมีลายทางแนวตั้ง: เป็นวิธีตรงไปตรงมาที่สุดในการยืดตัวคุณให้ดูสูงขึ้น เพราะลายเส้นแนวตั้งจะช่วยหลอกตา ยืดสัดส่วนให้ดูเพรียวขึ้น ควรเลือกเสื้อที่มีเส้นลายไม่หนาเกินไป และมีระยะห่างพอเหมาะระหว่างเส้น เพื่อสร้างเอฟเฟกต์การยืดที่เป็นธรรมชาติและไม่ดูฉูดฉาด

เสื้อแจ็คเก็ตหรือเสื้อคลุม: ควรมีความยาวที่ไม่เกินสะโพก หรือหากเป็นโค้ทยาวก็ควรมีความยาวถึงประมาณเข่า เพื่อไม่ให้ไปตัดทอนช่วงขามากเกินไป หลีกเลี่ยงความยาวที่จบกลางต้นขา เพราะจะทำให้ขาดูสั้นและสัดส่วนไม่สมดุล 

2. เทคนิคการเลือกกางเกงและรองเท้าให้ขาดูยาว

ช่วงล่างของร่างกายถือเป็นจุดสำคัญที่จะตัดสินสัดส่วนโดยรวมของคุณ ดังนั้นการเลือกกางเกงและรองเท้าที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยให้ขาดูยาวขึ้น แต่ยังสร้างความมั่นใจในการเดินและการเคลื่อนไหว ซึ่งมีหลักการพื้นฐานในการเลือกแมตช์ช่วงล่าง ดังนี้

การเลือกกางเกงที่เน้นความยาว

กางเกงทรงสลิมฟิตหรือทรงตรง: หลีกเลี่ยงกางเกงที่หลวมหรือมีขากระบอกกว้างเกินไป เพราะจะทำให้ช่วงขากองและดูสั้นลง

ความยาวกางเกง: ควรมีความยาวที่พอดี ไม่กองตรงข้อเท้า หรืออาจจะสั้นขึ้นมาเล็กน้อย (Cropped) เพื่อโชว์ข้อเท้า ซึ่งจะช่วยให้ช่วงขาดูยาวขึ้นได้

สีของกางเกง: การเลือกสีกางเกงให้เข้ากับสีรองเท้า เช่น กางเกงดำกับรองเท้าดำ จะช่วยสร้างความต่อเนื่องของเส้นขา

หลีกเลี่ยงการพับขากางเกงหลายทบ: การพับขากางเกงหลายทบจะทำให้ปลายขากางเกงกว้าง ช่วงขาดูสั้นลง หากจำเป็นต้องพับ ควรพับแค่ทบเดียวและไม่ใหญ่เกินไป

เคล็ดลับการเลือกรองเท้า เสริมความสูงอย่างแนบเนียน

ทรงรองเท้า : เลือกรองเท้าทรงเรียว รองเท้าหัวแหลมเล็กน้อยหรือทรงเรียวจะช่วยให้ปลายเท้าดูยาวขึ้น ส่งผลให้ช่วงขาดูยาวตามไปด้วย

ความสูงของรองเท้า : หลีกเลี่ยงรองเท้าหุ้มข้อสูง โดยเฉพาะรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสูงที่ปิดตาตุ่มหรือสูงกว่า เพราะจะไปตัดทอนช่วงขา และเลือกรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าหนาขึ้นเล็กน้อยเพื่อเสริมความสูง

การเลือกสี : เลือกรองเท้าสีเดียวกับกางเกงเพื่อสร้างความต่อเนื่องของเส้นขา 

3. เทคนิคการเลือกสีและลวดลายที่เหมาะกับการแต่งตัวผู้ชายตัวเล็ก

การเลือกสีและลวดลายที่เหมาะสมเป็นศิลปะที่ช่วยเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของคุณได้อย่างมหัศจรรย์ เพราะคุณจะสามารถสร้างภาพลวงตาที่ทำให้ดูสูงและเพรียวขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยสีกับลวดลายดังต่อไปนี้

การสร้างเส้นแนวตั้ง (Vertical Lines) : สิ่งสำคัญที่สุดในการทำให้ดูสูงคือการสร้างภาพลวงตาของเส้นที่ลากยาวขึ้นไป การใช้ลวดลายหรือสไตล์การแต่งตัวผู้ชายที่เน้นแนวตั้งจะช่วยยืดสัดส่วนของคุณดีขึ้นได้ง่าย ๆ

การแต่งตัวแบบคุมโทน (Monochromatic Dressing)

การเลือกเสื้อ กางเกง และรองเท้าในโทนสีเดียวกันหรือโทนสีที่ใกล้เคียงกันมากๆ เช่น สีดำทั้งชุด สีเทาทั้งชุด หรือสีกรมท่าทั้งชุด จะช่วยสร้างภาพรวมที่ดูยาวและต่อเนื่อง ทำให้ดูสูงขึ้นโดยไม่ถูกแบ่งท่อน ช่วยสร้างความกลมกลืนของท่อนบนและล่าง

4. เทคนิคการใช้เครื่องประดับและอุปกรณ์เสริม

รายละเอียดเล็ก ๆ อย่างเครื่องประดับและอุปกรณ์เสริมมีพลังในการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของคุณได้อย่างน่าทึ่ง สิ่งเหล่านี้จะช่วยนำสายตาไปยังจุดที่เหมาะสมและสร้างสมดุลที่ดี การเลือกใช้เครื่องประดับที่เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างลุคที่สมบูรณ์แบบ โดยมีไอเทมต่าง ๆ ดังนี้

เข็มขัด : เลือกเข็มขัดที่ไม่กว้างจนเกินไปและควรเป็นสีที่กลมกลืนกับกางเกงเพื่อไม่ให้ไปแบ่งสัดส่วนของร่างกายมากเกินไป แนะนำให้เลือกเข็มขัดที่มีความกว้างประมาณ 1-1.5 นิ้ว พร้อมหัวเข็มขัดที่ไม่ใหญ่โต เพื่อให้ดูสมส่วนและไม่ดึงความสนใจมากเกินไป

นาฬิกา : เลือกนาฬิกาที่มีขนาดหน้าปัดเหมาะสมกับข้อมือ หลีกเลี่ยงนาฬิกาที่ใหญ่เกินไปไม่พอดีข้อมือ แนะนำให้เลือกนาฬิกาสีที่เข้ากับโทนสีเสื้อผ้า เพื่อสร้างความต่อเนื่องและแสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดทุกจุดของการแต่งกาย

แว่นตา : เลือกขนาดที่เหมาะสมกับโครงหน้าและข้อมือ ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ควรเลือกกรอบแว่นที่มีความกว้างสมดุลกับดวงตาและมีความสูงที่ไม่บังคิ้วหรือแก้มมากเกินไป แนะนำให้เลือกกรอบที่มีเส้นสายที่ชัดเจนและไม่หนาจนเกินไป

ทรงผม : ทรงผมที่เปิดหน้าผาก หรือมีการยกสูงขึ้นเล็กน้อยด้านบน จะช่วยให้ช่วงหน้าดูยาวขึ้นและเสริมภาพรวมให้ดูสูง หลีกเลี่ยงทรงผมที่แบ่งไปข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไปเพราะจะทำให้หน้าดูกว้างและเตี้ยลง แนะนำให้เลือกทรงผมแบบ Side Part หรือ Quiff

5. เทคนิคการแต่งตัวผู้ชายสำหรับแต่ละโอกาส

การแต่งตัวให้เหมาะสมกับแต่ละโอกาสเป็นทักษะสำคัญที่แสดงถึงความเข้าใจในมารยาททางสังคมและเป็นการให้เกียรติบุคคล สถานที่ ซึ่งแต่ละคนควรแต่งกายให้เหมาะสมตามแต่ละโอกาส โดยมีหลักการง่าย ๆ ดังนี้

สไตล์ออฟฟิศ : ควรเลือกชุดที่ดูสุภาพและเป็นมืออาชีพ เช่น เสื้อเชิ้ตสีพื้นหรือโทนอ่อน (ขาว, ฟ้า, เทา) คู่กับกางเกงสแล็คสีสุภาพ (กรม, เทา, ดำ) หรือสูทที่ตัดเย็บแบบพอดีตัว หากทำงานที่ต้องดูภูมิฐานหรือเป็นทางการ แนะนำให้เลือกรองเท้าหนังสีดำหรือน้ำตาลเข้ม และควรขัดให้เงางามอยู่เสมอ

สไตล์สมาร์ทแคชชวล : สำหรับใครที่ต้องการผสมผสานระหว่างความเป็นทางการและความสบาย เหมาะกับอากาศบ้านเราต้องเป็นการแต่งตัวแนวนี้ เช่น กางเกงชิโน่หรือยีนส์สีเข้มกับเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อโปโล บางครั้งก็หยิบเบลเซอร์หรือแจ็กเก็ตมาใส่ทับเสื้อยืดหรือเสื้อเชิ้ตได้ โดยไม่จำเป็นต้องติดกระดุม เพื่อความดูดีแต่ไม่เป็นทางการจนเกินไป นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มลูกเล่นด้วยนาฬิกา สายเข็มขัด หรือแว่นกันแดดเรียบ ๆ ก็ยิ่งช่วยเสริมบุคลิกให้ดูเท่ขึ้นอีกระดับ

สไตล์ฟอร์มอล : เน้นความเนี้ยบและทางการอย่างสูงสุด แน่นอนว่าต้องใส่สูทเต็มชุดสีเข้ม เช่น ดำ กรมท่า หรือเทาเข้ม คู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาวหรือฟ้าอ่อน ส่วนเนคไทหรือโบว์ไทควรเลือกสีและลายที่สุภาพ ไม่ฉูดฉาด หากมีงานกลางคืนหรือโอกาสพิเศษ อาจเลือกสูทสีดำหรือทักซิโด้ และปิดท้ายด้วยเครื่องประดับ เช่น นาฬิกา หรือกระดุมข้อมือ (Cufflinks) ควรเลือกแบบเรียบหรู

6. เทคนิคการดูแลรูปร่างและท่าทางที่เสริมความมั่นใจ

ความมั่นใจที่แท้จริงไม่ได้เกิดขึ้นจากเสื้อผ้าเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการดูแลตัวเองอย่างครบถ้วนทั้งภายในและภายนอก เมื่อคุณรู้สึกดีกับตัวเองก็จะส่งผลถึงการแสดงออกผ่านท่าทางที่เหมาะสมด้วย มาดูว่าเมื่ออยู่ในที่สาธารณะเราจะเสริมความมั่นใจจากอะไรได้บ้าง

ดูแลสุขภาพร่างกาย : ควรออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น คาร์ดิโอวันละ 30-45 นาที และเวทเทรนนิ่งเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ จะช่วยให้รูปร่างกระชับขึ้น นอกจากนี้ควรควบคุมอาหารอย่างเหมาะสมเพื่อบุคลิกที่ดูดีจากภายในสู่ภายนอก

รักษาความสะอาด : ดูแลความสะอาดของร่างกายไม่ใช่เพียงเสื้อผ้าที่สะอาด แต่เล็บ ผม และกลิ่นกายก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมความมั่นใจในทุกอิริยาบถ

ท่าทางที่แสดงความมั่นใจ : ไม่ว่าจะเป็นท่ายืนให้หลังตรง ไหล่ดูสง่าผ่าเผย ศีรษะตั้งตรง หลีกเลี่ยงการขยับตัวบ่อย ๆ เพราะอาจดูประหม่า รวมถึงการฝึกการจัดระเบียบร่างกายในขณะที่นั่ง ยืน หรือเดิน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

ข้อผิดพลาดของการแต่งตัวของผู้ชายตัวเล็ก